fbpx

โรคไมเกรน ลมปะกัง

สมุฎฐานการเกิดโรค

          ลมปังกัง หรือลมตะกัง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายว่า ชื่อโรคลมชนิดหนึ่งตามตำราแพทย์โบราณว่า ทำให้มีอาการปวดหัวเวลาเช้าๆ ปวดกระบอกตาเมื่อเห็นแดดจะลืมตาไม่ขึ้น

  • ลมปะกังเข้าแนวอิทา กล่าวไว้ว่าอาการตัวรอน วิงเวียนปวดหัวมาก
  • ส่วนเส้นปิงคลากล่าวไว้ว่าหน้าตาแดง ปวดหัวแต่เช้าถึงเที่ยง ปวดหัวมาก ชักปากเอียง คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม เจ็บน้ำตาไหล
  • สหัสรังสี มีลมจักขุนิวาตประจำเส้น มีอาการเจ็บประบอกตา วิงเวียนตาพร่า ลืมตาไม่ได้
  • ในพระคัมภีร์ชวดารกล่าวถึงลมชนิด หนึ่ง:ชื่อว่า “ลมดำเดา” โทษจากลมระคนกำเดา มีอาการวิงเวียนหน้ามืด ตาลาย ตามืด ตาพร่า หนักศีรษะ เจ็บศีรษะ เจ็บตา
  • ส่วนไมเกรนในวิกีพีเดียกล่าวว่า โรคไมเกรนหรือโรคปวดหัวข้างเดียว (อังกฤษ : migraine ) เป็นความผิดปกติทางปราสาทเรื้อรังอย่างหนึ่ง ลักษณะเด่นคือปวดศีรษะปานกลางถึงรุนแรงเป็นซ้ำ
  • มักสัมพันธ์กับอาการทางระบบประสาทอิสระจำนวนหนึ่งตรงแบบ อาการปวดศีรษะมีผลต่อศีรษะครึ่งซีก มีสภาพปวดตามจังหวะ (หัวใจเต้น) กินเวลาตั้งแต่ ๒ ถึง ๗๒ ชั่วโมง
  • อาการทีสัมพันธ์อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน และไวต่อแสง เสียงหรือกลิ่น
  • โดยทั่วไปความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นจากกิจกรรมทางกาย
  • ผู้ป่วยไมเกรนถึงหนึ่งนามมีสัญญาณบอเหตุ (aura) คือ การรบกวนภาพ การรับความรู้สึกภาษาหรือการสั่งการร่างกายซึ่งบ่งบอกว่าจะเกิดปวดศีรษะในไม่ช้า
  • บางครั้งสัญญาณบอกเหตุเกิดได้โดยมีการปวดศีรษะตามมาน้อยหรือไม่ปวดเลย
  • ไมเกรนมีสาเหตุจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและพันธุกรรมผสมกัน
  • ผู้ป่วยประมาณสองในสามเป็นในครอบครัว
  • การเปลี่ยนระดับฮอร์โมนผสมกัน เพราะไมเกรนมีผลต่อเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงเล็กน้อยก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์ แต่ในผู้ใหญ่ แต่ในผู้ใหญ่ หญิงเป็นมากกว่าชายประมาณสองถึงสามเท่า
  • ความเสี่ยงของไมเกรนปกติลดลงระหว่างการตั้งครรภ์
  • ยังไม่ทราบกลไกที่แน่ชัดของไมเกรน แต่เชื่อว่าเป็นความผิดปกติของระบบปราสาทควบคุมหลอดเลือด

             ทฤษฎีหลักสัมพันธ์กับการเร้าได้ (excitability) ทีเพิ่มขึ้นของเปลือกสมองและการควบคุมผิดปกติของเซลล์ประสาทรับความเจ็บปวดในนิวเคลียสของประสาทไทรเจมินัลในการสมอง หากอ่านโดยพิจารณาแต่ต้นพบว่า ลมปะกัง กับการไมเกรน เป็นคนละอาการกันในแพทย์แผนไทยนั้นไม่มีอาการปวดหัวข้างเดียวมีเพียงปวดหัวเท่านั้น แลลมปะกังเกิดแต่วาตะเป็นอาการปลายปิตะเป็นอาการต้น ส่วนไมเกรนคืออาการผิดปรกติไปของธาตุดินเกี่ยวกับมัตเก (ระบบสมอง) มัตถลุง (ระบบประสาท) แผนตะวันออกนั้นมุ่งที่ตรีธาตุ แต่แผนตะวันตกมุ่งที่ธาตุดิน หลักคิดนั้นต่างกัน จึงนำมาเทียบอาการให้สมกันมิได้ลมปะกังคือลมปะกัง ไมเกรนคือไมกรน ลมปะกังมิใช่ไมเกรน ไมเกรนก็มิใช่ลมปะกัง แต่หากเป็นไมเกรนให้ใช้วิธีบำบัดแบบลมปะกังด้วยหลักการผันไปแห่งตรีธาตุไม่ใช่ธาตุดิน หากตรีธาตุปรกติธาตุดินจึงคืนกลับเดิม 

คำอธิบายว่าด้วยธาตุไฟกับอาการไมเกรน 

– ไฟอุ่นกาย คือเหตุที่เกิด ผลคือกำเดาอุ่นกาย 
– ไฟย่อย คือเหตุที่เกิด ผลคือกำเดาย่อย 
– ไฟระส่ำระส่าย คือเหตุที่เกิด ผลคือกำเดาระส่ำระส่าย 
– ไฟเสื่อมไป คือเหตุที่เกิด ผลคือกำเดาเสื่อมไป 

คำอธิบายว่าธาตุลมกับไมเกรน 

– ลมมวลหยาบกับกำเดาอุ่นกาย 
– ลมมวลละเอียดกับกำเดาอุ่นกาย 
– ลมในไส้ คือเหตุที่เกิด ผลคือลมพัดขึ้นบน 
– ลมนอกไส้ คือเหตุที่เกิด ผลคือลมพัดขึ้นบน 

     ลักษณะอาการของโรค

ลักษณะอาการของโรคไมเกรนแยกตามกองธาตุ       
จากกองไฟ 

1. ดวงตาร้อนผ่าวๆ สู้แสจ้ามิได้จากไฟอุ่นกาย 
2. กายอุ่นขึ้นจับสะบัดร้อนสะบัดหนาวจากไฟระส่ำระส่าย 
3. มือเท้าเย็นแต่แกนกลางลำตัวร้อนขึ้นถึงบนจากไฟอุ่นกาย 
4. กองชีพจรเต้นแรงขึ้นไม่สม่ำเสมอจากไฟระส่ำระส่าย 
5. ธาตุดินกองอันตัง กองอันตคุณัง กองยกนัง กำเริบจากไฟย่อย 
6. ธาตุดินกองหทยัง กำเริบจากไฟระส่ำระส่าย 

cr.คู่มือเวชปฎิบัติแพทย์แผนไทย 

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ สมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา

เรายินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นของคุณ

แสดงความคิดเห็น

Logo
รายการเปรียบเทียบ
  • Total (0)
เปรียบเทียบ
0